Thursday, June 23, 2016

ไฮไลท์ งานประชุมวิชาการทางการแพทย์



          ภาพงานประชุมวิชาการทางการแพทย์ (Unicity Medical Professional Seminar 2016 ) เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2559 ณ ห้อง Mayfair Ballroom, Berkelay Hotel มาให้ชมกัน ในงานดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งบุคลากรทางการแพทย์และผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่งกว่า 800 ท่าน ต่างก็ได้รับความรู้มากมายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 3 ท่าน วันนี้แอดมินจะนำวีดีโอไฮไลท์งานดังกล่าวมาให้ชมกันค่ะ เรามาชมบรรยากาศภายในงานกันเลยค่ะ


Tuesday, June 21, 2016

วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนและเหมาะกับผู้สูงอายุ



ปัญหาเรื่องโรคกระดูกพรุนหรือผุเป็นปัญหาที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามเลยนะคะ และส่วนใหญ่แล้วมักจะพบปัญหาบ่อยที่สุดก็คือบริเวณข้อมือ แขน ขา สะโพกหรือจุดเชื่อมต่อของกระดูก โดยพบมากที่สุดคือเพศหญิงในช่วงที่อายุเริ่มเข้าวัยทองหรือหมดประจำเดือนค่ะ วันนี้แอดมินจึงมีวิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนและเหมาะกับผู้สูงอายุมาแนะนำกันค่ะ ซึ่งได้แก่


  • การเดินเป็นการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อขา เดินไปเดินมาสักวันละ 15-20 นาที ทำแบบนี้สักสองวัน แล้วพักหนึ่งวัน ทำไปเรื่อยๆ เพื่อให้ร่างกายชินและกระดูกจะได้แข็งแรงขึ้นนะคะ
  • สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนนั้น ควรเริ่มด้วยการเดินเร็ว 5 นาที หลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนครบวันละ 15- 20 นาทีค่ะ
  • หากต้องการออกกำลังส่วนแขนและลำตัว ควรเลือกเป็นการยกน้ำหนักลูกตุ้มขนาดเล็ก แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำหนักลูกตุ้มมากเกินไป เพราะอาจเกิดการบาดเจ็บ โดยเฉพาะที่หลังได้นะคะ
  • หลี่กเลี่ยงออกกำลังกายด้วยการวิ่งหรือวิ่งเหยาะๆ เพราะจะทำให้ข้อต่อข้อเข่าหรือข้อเท้ารับน้ำหนักมากเกินไปค่ะ
นอกจากการออกกำลังกายแล้วก็อย่าลืมทานอาหารเสริมเพิ่มแคลเซียมเพื่อที่จะช่วยให้สร้างความแข็งแรงของกระดูกเพิ่มมากขึ้นด้วยนะคะ

Cr.fitnessmagazine , Feelfirm และ Thaihealth

Tuesday, June 7, 2016

ประโยชน์ของการ Detox




1. ช่วยทำความสะอาดลำไส้ อุจจาระ แบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย และสารพิษต่าง ๆ 
จะถูกชะล้างออกไป ลดการสะสมสารพิษเหล่านี้ เมื่อสารพิษเหล่านี้ถูกกำจัดออกไป
ลำไส้จะสามารถทำงานได้ตามปกติ

2. เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส้ ของเสียที่ตกค้างมีผลทำให้ลำไส้อ่อนแอลง
และทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ การล้างลำไส้จึงเป็นการช่วยส่งเสริม กล้ามเนื้อลำไส้ให้ทำงานได้มากขึ้น 
โดยปกติลำไส้มีหน้าที่กำจัดของเสียก็อาจเป็นไปโดยไม่สมบูรณ์ กล้ามเนื้อลำไส้ที่แข็งแรง
และทำงานได้อย่างเป็นจังหวะจะช่วยทำให้การผลักดันของเสีย เช่น กากอาหารและอุจจาระ
ออกจากลำไส้ได้เร็วขึ้น และไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ

3. ทำให้ลำไส้มีขนาดเป็นปกติ เมื่อลำไส้ทำงานอย่างผิดปกติ จะส่งผลให้โครงสร้างและ
ขนาดลำไส้เปลี่ยนไป ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา การสวนล้างลำไส้ ช่วยให้ลำไส้
เกิดการเคลื่อนตัว ช่วยลดอาการบวมหรือโป่งพองของลำไส้
อันเนื่องมาจากการที่มีของเสียอุดตัน บริเวณนั้น ทำให้ลำไส้มีรูปร่างปกติตามธรรมชาติ 
ซึ่งการรักษาทางยา ทานอาหารบางอย่างเฉพาะ บางรายท้องเดินระยะหนึ่งแล้ว
จะมีอาการท้องผูก อุจจาระแข็ง หรือการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ อาจทำให้ลำไส้กลับคืนสู่
รูปทรงปกติได้เพียง ระยะสั้นเท่านั้น

4. กระตุ้นจุดตอบสนองของระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งอวัยวะทุกส่วนจะมีการ
ทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้ โดยจุดตอบสนอง การล้างลำไส้เป็นการช่วยกระตุ้น
จุดที่ว่านี้ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกาย โดยรวม เช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง
และการหมุนเวียน ของเลือด เป็นต้น



เมื่อแบ่งตามกลุ่มอาการของโรค การ ดีท็อกซ์ สามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ได้ดังนี้

กลุ่มของโรคทางเดินอาหาร


โรคท้องผูก , โรคลำไส้ระคายเคือง, โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ, อาการท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย, อาการมีกลิ่นปากเหม็น, ลิ้นเป็นฝ้า แผลเปื่อยในปาก

กลุ่มของโรคภูมิต้านทาน


โรคภูมิแพ้ , โรคหอบหืด, โรคลมพิษ ผื่นแพ้, ภาวะภูมิต้านทานต่ำ, โรคภูมิต่านทานไวเกินอื่นๆ เช่น รูมาตอยด์ SLE

กลุ่มโรคความเสื่อมของร่างกาย


ผิวพรรณเหี่ยวย่น , โรคข้อเสื่อม

กลุ่มโรคทางจิตใจ

โรคเครียด , โรคนอนไม่หลับ, โรคทางกายที่เกิดจากทางใจอื่นๆ

สำหรับกลุ่มโรคมะเร็ง มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคดังกล่าว หากใช้อย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ



ที่มา

การอบรมของ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง(ไทยแลนด์)







อาการที่เกิดจากสารพิษตกค้างสะสม เป็นแบบกันนี้ไหม??

สารพิษตกค้างที่สะสมในร่างกาย หากขับมาไม่หมด จะเป็นบ่อเกิดของอาการเหล่านี้


  • อาการปวดศีรษะบ่อย หงุดหงิด
  • ปวดเมื่อยหลัง ไหล่ คอ
  • มีแผลร้อนในในปากเป็นประจำ
  • ดูดซึมสารอาหารจำพวกแป้งมาก และระบบเผาผลาญทำงานน้อย ทำให้ร่างกายอ้วน
  • ขับถ่าย และละลายสารพิษไม่ออก จะเกิดสิวเสี้ยนบนใบหน้า และฝ้าดำบนใบหน้า
  • อ่อนเพลีย ง่วงนอน สมาธิไม่ดี ความจำเสื่อม
  • ประสาทตึงเครียด และร่างกายไม่แข็งแรง เพศสัมพันธ์เสื่อม
  • หน้าตาหมองคล้ำ ไม่ขาวสดใส ผิวพรรณหยาบกร้าน
  • ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายยาก ถ่ายไม่ออก
  • เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ และผายลมบ่อยๆ
  • ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นประจำ
  • ปวดศีรษะ คลื่นเหียน อาเจียน เวียนศีรษะ และมีไข้ต่ำๆ ตลอดเวลา
  • เหนื่อยง่าย ปากเหม็น ปากเปื่อย มีกลิ่นตัวแรง
  • เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง มีผื่นคันขึ้นตามตัว เป็นแผล และเป็นฝีบ่อยๆ
  • มีอาการหอบหืด ภูมิแพ้ เป็นลมพิษได้ง่าย
  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อและกระดูก ตลอดจนรูมาตอยด์
  • ริดสีดวงทวารภายนอก หรือภายใน
  • โรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ ต่อมน้ำเหลือง

ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคหรือมีอาการดังกล่าวนี้ จึงควรได้รับการล้างลำไส้ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดของเสียและสารพิษที่คั่งค้างออกจากร่างกาย ทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงของโรคด้วย


ที่มา

หนังสืออบรมของ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง(ไทยแลนด์)

Detox คืออะไร?


        การล้างพิษ (Detox) ย่อมาจาก Detoxification คือ การกำจัดท็อกซินออกจากร่างกาย


           ท็อกซิน คือ พิษ(สารพิษ) ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายเราซึ่งเกิดได้หลายวิธี ทั้งเกิดจากการกินที่ผิด กับเกิดจากระบบต่าง ๆ ในร่างกายของเราบกพร่อง หรือแม้แต่การเกิดความเครียดก็ก่อให้เกิดท็อกซินได้ พูดง่าย ๆ การกินและการปฏิบัติตัวผิด ๆ ในชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดท็อกซินในตัวเรา

  ดีท็อกซ์ คือ การนำเอาสารพิษออกจากร่างกายของเราให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ตกค้าง
อยู่ในร่างกายจนกลายเป็นพิษเป็นภัยต่อสุขภาพ เมื่อคนเราได้รับสิ่งแปลกปลอมเข้าไปนั้น 
กลไกต่าง ๆ ในร่างกายจะทำหน้าที่ขจัดออกมา แต่หากได้รับเป็นจำนวนมากจนเกินไป 
และสะสมมาเป็นเวลานาน ระบบก็ไม่สามารถที่จะกำจัดได้หมด ยกตัวอย่างเช่น 
เมื่อคนเรารับประทานอาหารเข้าไป เกิดการย่อยสลาย ทำให้เกิดคราบตกค้าง
เกาะอยู่ตามผนังลำไส้ หมักหมมอยู่ทุกวี่ทุกวัน จนกลายเป็นกากสารพิษ 
ปิดกั้นไม่ให้ร่างกายเรารับสารอาหารได้เต็มที่ และลำไส้เราต้องดูดรับพิษร้ายเหล่านี้
กลับเข้าสู่ระบบไหลเวียนของโลหิตเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากได้รับเป็นจำนวนมากจนเกินไป 
และสะสมมาเป็นเวลานาน ระบบก็ไม่สามารถที่จะกำจัดได้หมด

ดังนั้นการขจัดของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย
ก็เหมือนการฟอกชำระล้างระบบต่างๆ โดยเฉพาะระบบการย่อยดูดซึมอาหารและ
ระบบไหลเวียนโลหิตให้พ้นจากสภาวะเป็นพิษ


Monday, June 6, 2016

โปรแกรมเพื่อสุขภาพง่ายๆ 5 ขั้นตอนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณ










  • ขั้นตอนที่ 1: การดื่มน้ำ(Hydrate)


  • ทำไมจึงต้องเริ่มต้นที่การดื่มน้ำ?


    จากรายงานผลการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า 90% ของประชากรโลกขาดน้ำ ดื่มน้ำไม่เพียงพอแม้แต่การดื่มน้ำในปริมาณที่น้อยที่สุดที่ร่างกายต้องการเพื่อให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ เมื่อร่างกายขาดน้ำ อวัยวะต่างๆจะได้รับผลกระทบและนำไปสู่ภาวะผิดปกติต่างๆตามมา

    น้ำสำคัญอย่างไร?

    น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่ร่างกายต้องการเพื่อให้สามารถทำงานได้ตามปกติ น้ำมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การย่อยอาหาร และการเจริญเติบโตทุกๆส่วน และทุกๆระบบในร่างกายต้องการน้ำเพื่อ



    - เสริมการทำงานของสมอง
    - เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน
    - ช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
    - ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
    - ให้ความชุ่มชื่นแก่ปาก ตา และจมูก
    - ปกป้องเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย
    - ช่วยเสริมการย่อยอาหารและป้องกันท้องผูก
    - ช่วยหล่อลื่นบริเวณข้อและเส้นเอ็น
    - กำจัดของเสียออกจากร่างกาย
    - ช่วยในการละลายและการดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ
    - ช่วยนำสารอาหารและออกซิเจนสู่เซลล์

    ควรดื่มน้ำปริมาณเท่าใด?

    เราแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 3.7 ลิตรต่อวันสำหรับผู้ชาย และ 2.7 ลิตรต่อวันสำหรับผู้หญิง

    ความรู้สึกกระหายน้ำไม่ใช่สัญญาณเตือนที่ดีว่าร่้างกายขาดน้ำ เพราะความรู้สึกกระหายน้ำจะไม่เกิดขึ้นทันทีที่ร่างกายขาดน้ำ แต่จะเกิดเมื่อร่างกายมีปริมาณน้ำลดลงจนต่ำกว่าระดับที่สามารถทำงานได้ตามปกติแล้วเท่านั้น






  • ขั้นตอนที่ 2: การเดิน(Walk)


  • ทำไมการเดินจึงเป็นขั้นตอนที่2?

    การเดินเป็นกิจวัตรประจำของคนเรา การเดินใช้เวลาเพียงเล็กน้อยและไม่ต้่องอาศัยอุปกรณ์ช่วยที่สำคัญ ผลการศึกษาวิจัยยังบ่งชี้ว่าการเดินเป็นประจำให้ประโยชน์แก่ร่างกายมากกว่าการวิ่งเร็ว

    การเดินมีประโยชน์ต่อร่างกายเนื่องจาก

    - เป็นการเคลื่อนไหวที่ง่ายต่อข้อต่อและกระดูก
    - เพิ่มความทนและประสิทธิภาพการเคลื่อนไหว
    - ช่วยเสริมการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด
    - คลายความเครียด
    - พัฒนาระบบสมอง สติปัญญา ความคิดอ่าน ไหวพริบ
    - ช่วยควบคุมน้ำหนัก ความกระชับของกล้ามเนื้อ
    - ช่วยให้อวัยวะต่างๆทำงานได้ตามปกติ

    การเดินช่วยให้รู้สึกห่างไกลจากความว้าเหว่ เศร้าใจ หดหู่ใจ การเดินช่วยให้ร่างกายหลั่งเอนโดรฟินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เรารู้สึกมีความสุข แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้คนไข้เดินเป็ฯประจำทุกๆวัน เพื่อกำจัดภาวะหดหู่ เศร้าใจ ซึ่งเป็นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ

    รักษาอาการข้ออักเสบด้วยการเดิน

    การเดินเป็นประจำมักเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการรักษาข้ออักเสบโดยส่วยใหญ่เพราะการเดินช่วยเพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มสมรรธภาพการเคลื่อนไหวในขณะที่ช่วยลดอาการปวด การเดินช่วยให้กระดูกอ่อนบริเวณข้อแข็งแรงด้วยการเพิ่มการหมุนเวียนสารอาหารไปเลี้ยงที่ข้อ ถ้าคุณมีอาการปวดข้อ ข้ออักเสบ อย่าลืมถามคุณหมอถึงการเติมคุณประโยชน์ของการเดินให้ร่างกายด้วย



  • ขั้นตอนที่ 3: ล้างสารพิษ(Cleanse)


  • ทำไมการล้างพิษจึงช่วยให้คุณมีสุขภาพดีขึ้นได้?



    การที่ร่างกายสามารถกำจัดสารพิษและของเสียที่สะสมออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำสารอาหารต่างๆไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าคุณจะพยายามรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากเพียงใดก็ตามหากร่างกายยังมีสารพิษ และของเสียสะสมอยู่ โดยเฉพาะในทางเดินอาหารก็จะขัดขวางการดูดซึมสารอาหารที่มีคุณค่าเหล่านั้น ทำให้ร่างกายไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ถ้าปราศจากการล้างพิษอย่างเหมาะสม ร่างกายอาจประสพปัญหาต่างๆ เช่น



    - ท้องผูก ทำให้ของเสียกากอาหารสะสมในร่างกาย
    - ขาดเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารทำให้ประสิทธิภาพการย่อย และการดูดซึมลดลง
    - ท้องอืด แน่นท้อง แก็ซมากและปวดเกร็ง
    - มีพยาธิที่เป็นอันตรายทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น
    - การแพ้อาหาร
    - เกิดแผลที่ทางเดินอาหาร
    - เกิดการระคายเคืองทางเดินอาหาร
    - ลดภูมิต้านทานของร่างกาย

    อาการอื่นๆนอกเหนือจากนี้ซึ่งเกิดจากการย่อยอาหารไม่มีประสิทธิภาพ เช่นปวดศีรษะ ปวดข้อ อ่อนเพลีย ผิวแห้งแตก ลมหายใจมีกลิ่น และติดเชื้อเรื้อรัง เส้นใยอาหารมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ลำใส้ใหญ่แข็งแรง และทำงานได้ตามปกติเนื่องจากเส้นใยอาหารช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ลดแรงดันภายในลำใส้จึงช่วยให้ลำใส้กำจัดกากอาหารได้ง่ายขึ้น สมาคมโภชนาการแห่งสหรัฐอเมริกา (American Dietetice Association) แนะนำให้รับประทานเส้นใยอาหาร 20-35 กรัมต่อวัน ในขณะที่ความเป็นจริงคนทั่วไปรับประทานเส้นใยอาหารเฉลี่ยเพียง 12 กรัมต่อวันเท่านั้น